สวัสดีค่ะ ^^ ทุกท่านที่มาเยี่ยมชม blog : สร้างสรรค์
วันนี้เราจะพาทุกท่านมารู้จักกับโปรแกรมภาษาคอมพิวเตอร์
เชื่อว่าหลายท่านคงเคยได้ยินมาบ้างแล้ว แต่ไม่ทราบว่า คืออะไร
โปรแกรมภาษาคอมพิวเตอร์มีหลายภาษา เราจึงของเลือกภาษา C
มาแนะนำเพื่อน ๆ เชื่อว่าภาษาภาษา C เพื่อน ๆ คงรู้จัก หรือ คุ้นหู
ก่อนอื่นเราไปทำความรู้จักกับภาษาคอมพิวเตอร์ กันเลย.....!!
(ขอบคุณรูปจาก : www.ubergizmo.com )
ภาษาคอมพิวเตอร์ (Computer Language) หมายถึง โปรแกรมหรือชุดคำสั่งที่มนุษย์เขียนขึ้น เพื่อสั่งงานให้คอมพิวเตอร์ทำงานตามความต้องการ ภาษาที่ใช้เขียนโปรแกรมคอมพิวเตอร์มีมากมาย แต่ละภาษาจะมีลักษณะโครงสร้างและกฎเกณฑ์ที่แตกต่างกัน
(ขอบคุณรูปจาก : guru.sanook.com)
ภาษาซี(C Programming Language) คือ
ภาษาคอมพิวเตอร์ใช้สำหรับพัฒนาโปรแกรมทั่วไป
ถูกพัฒนาครั้งแรก เพื่อใช้เป็นภาษาสำหรับพัฒนาระบบปฏิบัติการยูนิกซ์(Unix
Opearating System)แทนภาษาแอสเซมบลี
ซึ่งเป็นภาษาระดับต่ำที่สามารถกระทำในระบบฮาร์ดแวร์ได้ด้วยความรวดเร็ว
แต่จุดอ่อนของภาษาแอซเซมบลีก็คือความยุ่งยากในโปรแกรม ความเป็นเฉพาะตัว
และความแตกต่างกันไปในแต่ละเครื่อง เดนนิส ริตชี (Dennis Ritchie)
จึงได้คิดค้นพัฒนาภาษาใหม่นี้ขึ้นมาเมื่อประมาณต้นปี ค.ศ.1970
โดยการรวบรวมเอาจุดเด่นของแต่ละภาษาระดับสูงผนวกเข้ากับภาษาระดับต่ำ เรียกชื่อว่า
ภาษาซี
เมื่อภาษาซี ได้รับความนิยมมากขึ้น จึงมีผู้ผลิต compiler
ภาษาซี
ออกมาแข่งขันกันมากมาย ทำให้เริ่มมีการใส่ลูกเล่นต่างๆ เพื่อดึงดูดใจผู้ซื้อ
ทาง American National Standard Institute (ANSI)
จึงตั้งข้อกำหนดมาตรฐานของภาษาซีขึ้น เรียกว่า ANSI C
เพื่อคงมาตรฐานของภาษาไว้
ไม่ให้เปลี่ยนแปลงไป
โครงสร้างของโปรแกรมภาษาซี และตัวอย่าง
(ขอบคุณรูปจาก : www.slideshare.net )
โปรแกรมในภาษาซีทุกโปรแกรมจะประกอบด้วยฟังก์ชันอย่างน้อย
หนึ่งฟังก์ชัน คือ ฟังก์ชัน main โดยโปรแกรมภาษาซีจะเริ่มทำงานที่ฟังก์ชัน main
ก่อน ในแต่ละฟังก์ชันจะประกอบด้วย
1. Function Heading ประกอบด้วยชื่อฟังก์ชัน และอาจมีรายการของ
argument (บางคนเรียก parameter) อยู่ในวงเล็บ
2. Variable Declaration ส่วนประกาศตัวแปร สำหรับภาษาซี
ตัวแปรหรือค่าคงที่ทุกตัวที่ใช้ในโปรแกรมจะต้องมีการประกาศก่อนว่าจะใช้งานอย่างไร
จะเก็บค่าในรูปแบบใดเช่น interger หรือ real number
3. Compound Statements ส่วนของประโยคคำสั่งต่างๆ
ซึ่งแบ่งเป็นประโยคเชิงซ้อน (compound statement) กับ ประโยคนิพจน์ (expression
statment) โดยประโยคเชิงซ้อนจะอยู่ภายในวงเล็บปีกกาคู่หนึ่ง { และ }
โดยในหนึ่งประโยคเชิงซ้อน จะมีประโยคนิพจน์ที่แยกจากกันด้วยเครื่องหมาย semicolon
(;) หลายๆ ประโยครวมกัน และ อาจมีวงเล็บปีกกาใส่ประโยคเชิงซ้อนย่อยเข้าไปอีกได้
อ้างอิง : http://www.krukaewta.net/web1/ng23101/unit2/u2_computer_language.html
http://guru.sanook.com/6394/
< ขอบคุณสำหรับข้อมูลดี ๆ >
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น